ข่าวสาร

MIDAS Medical Innovation Hackathon 2025: จุดเปลี่ยนจาก “งานวิจัยขึ้นหิ้ง” สู่ “นวัตกรรมเพื่อระบบสาธารณสุขไทยที่ยั่งยืน”

MIDAS Medical Innovation Hackathon 2025: จุดเปลี่ยนจาก "งานวิจัยขึ้นหิ้ง" สู่ “นวัตกรรมเพื่อระบบสาธารณสุขไทยที่ยั่งยืน”

รู้หรือไม่ว่า ประเทศไทยมีการพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพมากมายแต่ไม่ถูกนำไปใช้จริง หนึ่งในสาเหตุหลักที่ไม่ได้ไปต่อเพราะยัง “ไม่ตอบโจทย์” ระบบสุขภาพ แล้วจะทำอย่างไรให้นวัตกรรมเหล่านี้ไม่สูญเปล่า หนึ่งในคำตอบสำคัญคือ early Health Technology Assessment (early HTA) ซึ่งเป็นแนวทางที่ช่วยประเมินศักยภาพของนวัตกรรมตั้งแต่ระยะพัฒนา และด้วยเป้าหมายนี้เองจึงเกิดงาน MIDAS Medical Innovation Hackathon 2025 เวทีสำคัญเพื่อนำแนวคิดนี้มาสู่การปฏิบัติจริงขึ้น

“งานวิจัยขึ้นหิ้งไม่ขึ้นห้าง” ไม่ใช่แค่ปัญหาของนักวิจัย แต่ส่งผลกระทบไปไกลกว่าที่คิด

ปัญหางานวิจัยขึ้นหิ้งเป็นความท้าทายของวงการนวัตกรรมทางการแพทย์ไทยมายาวนาน งานวิจัยจำนวนมากไม่สามารถก้าวข้ามจากห้องทดลองไปสู่ตลาดสุขภาพได้ เพราะขาดความเชื่อมโยงกับความต้องการของระบบสุขภาพ และไม่สามารถเข้าถึงตลาดหรือกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง นอกจากนี้ผู้พัฒนายังต้องพบกับความท้าทายอีกหลายด่าน ตั้งแต่การขึ้นทะเบียน การควบคุมคุณภาพและความปลอดภัย ไปจนถึงการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้งาน แม้แต่นวัตกรรมที่สามารถออกสู่ตลาดได้แล้ว ก็อาจเสี่ยงที่จะขายไม่ได้หากมีราคาสูงเกินไป ขณะที่การหวังพึ่งภาครัฐให้สนับสนุนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยงบประมาณที่จำกัด การลงทุนในนวัตกรรมทางการแพทย์แต่ละชิ้นต้องผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบ และหากนวัตกรรมไม่ถูกบรรจุในชุดสิทธิประโยชน์ของระบบหลักประกันสุขภาพด้วยแล้ว โอกาสที่ประชาชนจะเข้าถึงก็ยิ่งดูห่างไกลออกไปอีก

ปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงทำให้งานวิจัยที่ต้องแลกมาด้วยเงินทุน เวลา และความคิดสร้างสรรค์ของผู้พัฒนาต้องสูญเปล่า แต่ยังส่งผลต่อระบบสาธารณสุขโดยรวม เพราะประเทศต้องพึ่งพาเทคโนโลยีทางการแพทย์ราคาสูงจากต่างประเทศ และที่สำคัญที่สุดคือ ประชาชนอาจไม่มีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่จำเป็นได้อย่างเท่าเทียม

จากแนวคิดสู่ต้นแบบการใช้งานที่จับต้องได้จริงในงาน Medical Innovation Hackathon 2025

Early HTA เกิดขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้พัฒนาเห็นศักยภาพและข้อจำกัดของนวัตกรรมตั้งแต่เนิ่น ๆ และเรียนรู้ว่าต้องปรับปรุงอะไรเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น แหล่งทุน บุคลากรทางการแพทย์ และภาครัฐ เพื่อให้สามารถเข้าสู่ตลาดและระบบสุขภาพได้ รวมถึงสามารถนำไปใช้จริงเพื่อประโยชน์ที่ยั่งยืนในระบบสาธารณสุขไทย

ผู้เข้าร่วมงานชมการแสดงผลงานนวัตกรรมที่ผ่านเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้าย

เพื่อไม่ให้ early HTA เป็นเพียงแนวคิด แต่เป็นแนวทางปฏิบัติจริง ฝ่ายพัฒนานวัตกรรมการแพทย์และสนับสนุนการประเมิน (Medical Innovation Development and Assessment Support: MIDAS) หนึ่งในทีมผู้เชี่ยวชาญในการทำ early HTA จึงได้จัดงาน MIDAS Medical Innovation Hackathon 2025 ในวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2568 ขึ้น ที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ (รางน้ำ) ซึ่งถือเป็นการสร้างต้นแบบของการนำ early HTA มาใช้ในกระบวนการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์อย่างเป็นรูปธรรม

มากกว่าการแข่งขัน คือโอกาสสำคัญในการต่อยอด

ไฮไลท์ของงาน MIDAS Medical Innovation Hackathon 2025 คือ การประกวดนวัตกรรมทางการแพทย์รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งคัดเลือก 10 นวัตกรรมที่มีศักยภาพสูงสุดจากผลงานกว่า 150 ชิ้น ครอบคลุมสาขาต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์ ยา และแพลตฟอร์มดิจิทัลทางการแพทย์ นวัตกรรมเหล่านี้มีโอกาสได้รับการสนับสนุนจากศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) พร้อมทั้งการประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์โดยฝ่าย MIDAS ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาและต่อยอดสู่การใช้งานจริง

ผู้เชี่ยวชาญแลกเปลี่ยนประสบการณ์และให้คำแนะนำแก่ทีมผู้เข้าแข่งขัน เพื่อการปรับปรุงและพัฒนานวัตกรรม

ไม่เพียงแค่นั้น ผู้พัฒนานวัตกรรมก็ได้ต่อยอดศักยภาพของตนเองด้วยเช่นกัน ผ่านกิจกรรมเสริมความรู้ การแลกเปลี่ยนมุมมอง และรับคำแนะนำเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา ซึ่งล้วนมีประสบการณ์ตรงในกระบวนการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ งานนี้ยังเป็นเวทีสำคัญในการสร้างเครือข่ายระหว่างนักพัฒนา ผู้ประกอบการ และหน่วยงานสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันผลักดันให้นวัตกรรมไทยก้าวสู่ระดับสากลด้วย

เปลี่ยนแนวคิดเป็นนวัตกรรม เปลี่ยนนวัตกรรมเป็นอนาคต

แม้งาน MIDAS Medical Innovation Hackathon 2025 จะจัดขึ้นเพียงสองวัน แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อระบบสาธารณสุขไทยยังคงดำเนินต่อไป เสียงสะท้อนจากผู้เข้าแข่งขันและผู้ร่วมงานเน้นย้ำถึงคุณค่าของงานที่ขยายวงกว้างออกไปไกลและไม่ได้จำกัดแค่เพียงผู้ที่อยู่ในแวดวงสาธารณสุขเท่านั้น งานนี้นับเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ได้เห็นว่า นวัตกรรมสามารถต่อยอดและสร้างผลกระทบได้จริง ยิ่งมีตัวอย่างความสำเร็จที่จับต้องได้ ยิ่งกระตุ้นให้เกิดความสนใจและความตื่นตัวในเทรนด์นวัตกรรมทางการแพทย์มากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผู้เข้าร่วมงานได้เข้าใจหลักการและตระหนักถึงความสำคัญของ early HTA ในการผลักดันนวัตกรรมให้ก้าวเข้าสู่ระบบสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันเป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบนวัตกรรมสุขภาพที่แข็งแกร่งในอนาคต

ทีมผู้เข้าแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ กรรมการ และวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ

มาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่า การสร้างสรรค์นวัตกรรมเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ การพัฒนาให้สามารถใช้งานได้จริงในระบบสาธารณสุขยังต้องอาศัยการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เข้าใจทั้งมิติด้านนวัตกรรม การประเมินความคุ้มค่า และแนวทางเชิงนโยบาย ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญของ MIDAS ที่มุ่งสนับสนุนประเด็นดังต่อไปนี้

  • การวิเคราะห์และประเมินศักยภาพของนวัตกรรม เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถพัฒนาได้อย่างมีทิศทาง
  • การให้คำแนะนำด้านการประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อช่วยให้ผู้พัฒนาเข้าใจศักยภาพของนวัตกรรมในระดับระบบสุขภาพ
  • ความเชื่อมโยงภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้ให้บริการด้านสุขภาพ เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้งานจริง

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า MIDAS ไม่เพียงแต่เป็นผู้จัดงาน MIDAS Medical Innovation Hackathon 2025 ครั้งนี้เท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้ไอเดียไม่หยุดอยู่แค่ในห้องทดลอง และสามารถเติบโตไปเป็นนวัตกรรมที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับระบบสุขภาพไทยได้อย่างแท้จริง